ใช้เวลาสำรวจตัวคุณเองสักนิดว่าจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อภัยสุขภาพในยุคสังคมดิจิตอลนี้หรือไม่ คุณเป็นผู้หนึ่งที่มักจะปฏิบัติงานโดยอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ นานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน คุณเป็นผู้หนึ่งที่นั่งทำงานอยู่กับตัวเลขนานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน คุณเป็นผู้หนึ่งที่ต้องนั่งตรวจและเขียนเอกสารนานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน คุณเป็นผู้หนึ่งที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการทำงานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันขณะที่คุณกำลังอ่านและสำรวจตัวเองอยู่นี้ หากหนึ่งในสี่ข้อข้างต้นตรงกับพฤติกรรมประจำวันของคุณแล้ว คุณนับเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่กำลังถูกคุกคามจากภัยร้ายในสำนักงานนั่นเอง
ข้อมูลล่าสุดจัดทำโดยศูนย์ศึกษาและวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างเดือนมกราคม 255 1 ที่ผ่านมานี้ การสำรวจอาการปวดในกลุ่มตัวอย่างคนทำงานออฟฟิศ หญิงและชาย ในจำนวน 413 คน (ชาย 183 คน หญิง 230 คน) พบว่า ส่วนใหญ่ทำงานเฉลี่ยเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน และใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน ผลการศึกษา แสดงถึงอาการปวดที่เป็นกันมากที่สุด ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา 5 อันดับแรกคือ การปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเอว และปวดศรีษะ ตามลำดับ โดยอาการปวดคอ มีมากถึง 84% และ ตามด้วยอาการปวดไหล่ 71%อาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อ คอและไหล่ที่กำลังคุกคามกลุ่มคนทำงานออฟฟิศเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งจากพฤติกรรม อิริยาบถในการทำงาน ลักษณะและสภาพแวดล้อมบริเวณเวิร์ค สเตชั่น รวมไปถึงความเครียดจากการทำงาน หรือทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะอาการดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงจนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เกิดเป็นโรคประจำทศวรรษที่ได้ยินกันจนชินหูว่า “Office Syndrome หรือโรคภัยในสถานที่ทำงาน” นั่นเอง สำหรับวิธีการป้องกันและรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่นั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธีตามแต่สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเวิร์ค สเตชั่นให้เหมาะสม เปลี่ยนอิริยาบถในการทำงานหรือเคลื่อนไหวร่างกายทุก 15-20 นาที ขจัดความเครียดในการทำงาน เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ การนวด การใช้ความร้อน-เย็นเพื่อให้กล้ามเนื้อยึดหดตัว การออกกำลังกายแบบง่ายๆ ในท่าทางต่างๆ หรืออีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาและต้องการความสะดวก คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่พัฒนาให้เหมาะสำหรับการบรรเทาปวดบริเวณคอและไหล่ เป็นต้น ดูแลใส่ใจตัวเองสักนิด เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี อย่าให้อาการปวดคอและไหล่แปรสภาพไปเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกับสุขภาพ และประสิทธิภาพในการทำงาน
14 ความคิดเห็น:
นัทเห็นด้วยค่ะ เพราะตัวเองก้อมีปัญหาดังกล่าว ต้องไปนวดทุกอาทิตย์เลยค่ะ
**เรื่องนี้จริงทีเดียว ขณะนี้นั่งมา 4 ช.มแล้วรู้สึกเมื่อยปวดต้นคอ เดี๋ยวจะไปหาขนมกินแก้ปวดหน่อย ก๊าบๆๆ**
*** น่าจะเปิดธุรกิจ "พิมพ์ไปนวดไป" บริการถึงสำนักงาน นายจ้างที่อยากให้สวัสดิการพนักงานมีบริการแบบ In house ถ้ากิจการดีอาจขยายฐาน At home ด้วยก็ได้ครับ....
นั่งนานๆ ปวดเมื่อยจริงๆด้วย
ควรเปลี่ยน อริยาบถ จะได้ไม่เบื่อด้วยนะ
แหมมม อาจารย์ ถ้าพิมพ์ไปนวดไปกลัวว่าจะไม่ได้พิมพ์ซิคะ อยากจะให้นวดอย่างเดียว ^_^
แต่นั่งนานๆ ก็เมื่อยจริงๆแหละค่ะ ทั้งคอทั้งไหล่แล้วก็หลังด้วย
ได้แนวธุรกิจใหม่อีก
อาจารย์ท่านไอเดียสุดยอดจริงๆ
คอตึงบ่อยๆพักนี้ สบัดทีก๊อกแก๊ก เมื่อยลงหลัง
ล้าไปหมด
ต้องทำตามที่แนะนำซะแย้ว... ถูกเผงเลย! ปวดเมื่อยไปหมด
ขนาดเรียนยังเมื่อยเลยค่ะ 555
ตอนไม่อ่านก็ไม่เมื่อยนะคะ
แต่พออ่านแล้ว เมื่อยจัง
ก็เมื่อยอะนะ ทั้งคอทั้งไหล่แล้วก็หลังด้วย
แต่ก็ต้องนั่ง วันนึงหลายชม
นั่งนานๆเนี่ย ไม่ใช่เมื่อยอย่างเดียวนะ
ขาบวมอีก
ตอนที่ยังไม่อ่านก็ไม่เมื่อยหรอก
พออ่านเข้าหน่อยล่ะเมื่อยเลย
เราก็เป็นอีกคนหนึ่งนะที่ปวดคอ,ปวดหลังและไหล่มากๆเลย ก็อาศัยไปนวดแผนไทยบ้างผ่อนคลายดีสบายจังลองดูนะแต่ถ้าใครไม่ชอบก็หาวิธีบริหารคอและไหล่มาใช้ก็ช่วยได้เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น